วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความเป็นมาของระนาดเอก

ประวัติความเป็นมาของระนาดเอก

เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีนั้นมี ประวัติความ เป็นมาเก่าแก่ยาว นานมากดังหลักฐานทางโบราณคดีที่มีการค้นพบระนาดหินซึ่งน่าจะเป็นต้น แบบของ ระนาดไม้ ในยุคปัจจุบัน ระนาดหินนี้เป็น หลักฐานทางโบราณคดีชิ้นสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีนั้นมี ต้นกำเนิดมา
นานแล้ว ระนาดหินดังกล่าวมีอายุเก่าประมาณ
3000 ปีมีลักษณะเป็น ขวานหินยาว พบที่แหล่ง โบราณคดีริมฝั่งคลองกลาย หมู่ที่ 7 ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเทศไทย

ขวานหิน ยาวนั้นเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งของมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์ คือ นำหินมาก ระเทาะให้เป็นแผ่นยาวหรือเป็นแท่งยาว ปลายด้านหนึ่งแต่งให้เป็นสันหนา ส่วนปลายอีกด้านจะแต่งให้บางลงจนเกิดความคมซึ่ง เป็นลักษณะของ ขวานหินทั่วไปแต่มีลักษณะยาวกว่าจึงเรียกว่าขวานหิน
ยาว ขวานหินยาวบางชิ้นทำจาก
หินภูเขาไฟซึ่งมีส่วนผสมของแร่โลหะเวลาเคาะจะเกิด เสียงดังกังวาน และมีระดับเสียง สูงต่ำแตกต่างกันตามขนาดความยาวหรือความหนาบาง ของขวานหิน ด้วยเหตุนี้นัก โบราณคดีจึงเรียกขวานหินยาวว่าระนาดหิน นอกจากนั้นยังได้พบระนาดหินที่ประเทศ เวียตนามจำนวน 11 ชิ้น เมื่อผู้เชี่ยว เชี่ยวชาญดนตรีพื้นเมืองของประเทศอินโดนีเซียได้ วิเคราะห์ความถี่ ของเสียงระนาดหินจำนวน 10 ชิ้น ปรากฏว่ามีระนาดหินจำนวน 5 ชิ้น มีความถี่ของเสียง เท่ากับความถี่ของเสียงดนตรี 5 เสียงซึ่งเป็น ระดับเสียงของเครื่องดน ตรีโบราณที่ใช้กันอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบัน จึงพอจะสันนิษฐาน ได้ว่ากำเนิดของ ระนาดหินอาจเกิดจากการที่มนุษย์นำขวานหินธรรมดาซึ่ง เป็นเครื่องมือใช้งานหรือเป็น อาวุธมาใช้และได้ยินเสียงที่เกิดจากการกระทบกันของ เครื่องมือดังกล่าวเป็นเสียงดนตรี ที่ไพเราะน่าฟังจึงเป็นแรงจูงใจให้เกิดจินตนาการใน การคิดประดิษฐ์เครื่องดนตรีขึ้น

สำหรับระนาดไม้นั้นน่าจะมี พัฒนาการมาจาก กรับ หรือ โกร่ง ซึ่ง ตามปกติใช้ ตีเพียง 2 ชิ้ แต่ ได้มีการนำเอากรับซึ่งเป็นท่อนไม้สั้นๆ
จำนวนหลายชิ้นมาวางเรียงกัน แล้ว ใช้ไม้ตีลงไป ทำให้เกิดทำนองสูงต่ำแตกต่างกันตามขนาดความ สั้น-ยาว และ ความ หนา-บาง ของวัตถุดังเช่นเครื่องดนตรีของชาวอินโดนีเซียหรือชาวพื้นเมืองใประเทศ อาฟริกาการนำเอาไม้กรับหลายๆอันมา วางเรียงตีนั้นน่าจะเป็นต้นกำเนิดของเครื่องดนตรีประเภท โปงลาง และ ระนาด เอก ในปัจจุบันโดยจะเห็น
ได้ จากเครื่องดนตรีของคนที่อยู่ในภูมิภาคแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และร่องรอยการพัฒนาการของระนาดในภูมิภาค
อื่นๆของโลก อีกหลายแห่งซึ่งก็มีเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีที่มีรูปร่างและลักษณะ คล้ายคลึงกัน
เมื่อมีการนำไม้กรับขนาดต่างๆมา วางเรียงและใช้ไม้เคาะเพื่อให้เกิดเสียงที่ต่าง กัน แล้วจึงมีการคิดไม้รองเป็นรางเพื่อวางไม้กรับเรียงต่อๆกันไป รวมทั้งมีการพัฒนา เพื่อให้คุณภาพเสียงดีขึ้นคือ แก้ไขปรับปรุงไม้กรับให้มีขนาดลดหลั่นกันโดยเรียงลำดับ ตาม ความสูงต่ำของเสียงและทำรางรองไม้กรับให้มีลักษณะเป็น กล่องเสียง เพื่อให้ดัง กังวานยิ่งขึ้นเรียกว่า ราง ระนาด แล้ว ใช้เชือกร้อยไม้กรับขนาดต่างๆให้ติดกันเป็นผืน เรียกว่า ผืนระนาด ขึง แขวนไว้เหนือรางระนาด ต่อมาจึงประดิษฐ์แก้ไขตัดแต่งไม้กรับ ให้ มีรูปร่างประณีตสวยงามและเรียกไม้กรับเหล่านี้เสียใหม่ว่า ลูก ระนาด ทั้ง ยังได้พัฒนา วิธีการปรับแต่งระดับเสียงของไม้กรับโดยใช้ขี้ผึ้งผสมตะกั่ว แล้ว ลนไฟติดไว้ตรงบริเวณด้านล่างตรงส่วนหัว และ ส่วนท้ายของลูกระนาดเพื่อให้เกิดเสียงที่ลึกนุ่มนวลขึ้นเป็น
การ
เทียบ เสียงลูกระนาดเพื่อให้ได้ระดับเสียงตรงตามที่ต้องการด้วย


สรุปว่าลูกระนาดนั้นพัฒนาขึ้นมา จากไม้กรับประเภทต่างๆ ดัง นั้นในหัวข้อนี้จึง ขอกล่าวถึงกรับประเภทต่างๆไว้ด้วยดังนี้
กรับ
, โกร่ง
ของไทยเป็น เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีกำกับจังหวะมี เสียงดังเช่นเดียวกับชื่อคือมีเสียง ดัง กรับ-กรับ เกิดจากการกระทบกันของ

วัตถุที่ใช้ทำเช่น ไม้ โลหะ หรือ งาช้าง กรับนั้น แบ่งตามลักษณะได้เป็น 3 ชนิดคือ กรับ คู่ กรับพวง และ กรับเสภา

กรับคู่ - เป็นกรับชนิดหนึ่งทำด้วยไม้ไผ่ลำมะลอกหรือไม้ไผ่สีสุก เป็นต้น นำมาผ่า ซีกให้มีขนาดยาวประมาณ 45 ซม. กว้างประมาณ 5 ซม.หนา
ประมาณ
1.5 ซม.จำนวนสองท่อน ถือมือละท่อน ใช้ทางด้านผิวไม้ตีกระทบกัน มักใช้ตีกำกับทำนองร้องเวลาเล่นละครชาตรี จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า

กรับละคร นอกจากใช้ตีกำกับจังหวะแล้วยังใช้ตีเป็นสัญญาณในการเปลี่ยนท่ารำ และตีให้จังหวะในพิธีการต่างๆด้วย

กรับพวง - เป็นกรับชนิดหนึ่งทำด้วยไม้ผสม แผ่นโลหะบางๆ ยาวประมาณ 20 ซม. จำนวนหลายแผ่นร้อยเชือกเข้าด้วยกัน มีไม้หนา 2 ชิ้นซึ่งเรียก
ว่า
"ไม้ประกับข้าง" ประกับ ไว้ด้านนอกทั้งสองข้างไม้ประกับข้างนี้มักประดิษฐ์รูปร่างให้ เหมาะกับการใช้ตีลงบนฝ่ามือ วิธีตีใช้มือหนึ่งถือแล้วตี
โดยใช้ อีกมือหนึ่งรองรับทำให้เกิดเสียงกระทบจากแผ่นไม้และแผ่น โลหะที่สอดอยู่ตรงกลางระหว่างไม้ประกับนั้น กรับพวงใช้ บรรเลงในวงมโหรีโบราณ การเล่นเพลงเรือ และ การแสดง โขนละคร

กรับเสภา - เป็นกรับชนิดหนึ่งทำด้วยไม้เนื้อแข็งเช่น ไม้ชิงชัน ลักษณะเป็นแท่ง สี่เหลี่ยมมีผิวด้านหนึ่งโค้งมนยาวประมาณ 20 ซม. กว้างประมาณ 5 ซม. หนาประมาณ 5 ซม.ใช้ขยับมือละคู่ ปัจจุบันมีนักดนตรีนำกรับที่ทำเลียนแบบกรับเสภาแต่มีลักษณะเป็นแท่งสี่ เหลี่ยม ไม่มีผิวโค้งมนมาใช้ตี
เป็นจังหวะโดยตีเน้นที่จังหวะปิดหรือจังหวะเสียง ตก เช่นในจังหวะ ฉิ่ง - ฉับ กรับจะตีเฉพาะที่ลงจังหวะ ฉับ เท่านั้น

ในการขับเสภาผู้ขับ เสภาจะใช้กรับ 2 คู่ ถือมือละคู่ ผู้ขับเสภาจะขยับกรับ 2 คู่นี้ตามลักษณะท่วงทำนองที่เรียกชื่อด้วยคำนำหน้าว่า "ไม้" เช่น ไม้
กรอ ไม้หนึ่ง ไม้สอง ไม้รบ หรือ ไม้สี่ สำหรับ ไม้กรอ ใช้ขยับประกอบในลีลาทั่วๆไป ไม้หนึ่งและไม้สองใช้ ขยับประกอบขับเสภาบทไหว้ครูส่วน
ไม้รบ หรือ ไม้สี่ ใช้ขยับประกอบขับเสภาในลีลา รุกเร้า

โกร่ง - เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี ทำด้วยไม้ท่อนยาวที่มีลักษณะกลวงอยู่ ภาย ในเช่นลำไม้ไผ่แห้งหรือ ท่อนไม้ขุด มีความยาวแล้วแต่ต้อง
การ เจาะเป็นร่องยาวไป
ตาม ปล้องหรือเว้นตรงข้อก็ได้ อาจเจาะเป็นร่องทั้ง 2 ข้าง หรือข้างเดียวแต่สลับปล้องกัน ก็ได้เพื่อให้ตีเสียงดังก้องขึ้น
เวลา ตีวางลำท่อนไม้ราบไปตามพื้นมีท่อนไม้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น